" "

ราฮีม สเตอร์ลิ่ง จากดาวรุ่งหงส์แดง สู่ปีกตัวความหวัง ของแมนฯ ซิตี้

editor
0 0
Read Time:7 Minute, 12 Second

ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ชายผู้ไม่เคยยอมแพ้ต่อโชคชะตา และไม่เคยท้อแท้ต่อความลำบาก

ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ปีกตัวจี๊ดฟอร์มร้อนแรง ที่ถูกพูดถึงจากสื่อหลายๆ ฝ่ายมากที่สุด ในฤดูกาล 2019-2020 ด้วยการระเบิดฟอร์มการเล่นที่โดดเด่น จนเป็นตัวความหวัง และเป็นที่พึ่งพาของทีมได้ ตลอดทั้งซีซั่น ก่อนจะมาถึงจุดนี้ได้นั้น จนมีชื่อเสียง และมีรางวัลติดมือมากมาย เจ้าตัวก็นับว่า เป็นแข้งอีกหนึ่งคน ที่ต้องฝ่าฝันอุปสรรคต่างๆ เพื่อได้ก้าวไปทำตามความฝันของตนเอง ซึ่งก็คือ การได้เล่นฟุตบอลในระดับสูงนั้นเอง ประวัติศาสตร์-หงส์แดง

ในฤดูกาลนี้ แม้ต้นสังกัดของเขาอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะไม่สามารถป้องกันแชมป์พรีเมียร์ ลีก ไว้ได้ แต่นี่ก็คือซีซั่นที่ดีที่สุด ของสเตอร์ลิ่งเลยก็ว่าได้ เพราะการได้ก้าวมาเป็นตัวหลักของซิตี้ และมีฟอร์มการเล่นที่ดี ตลอดทั้งฤดูกาล แม้จะไม่สามารถป้องกันแชมป์ จากอดีตต้นสังกัดอย่าง ลิเวอร์พูล ได้ แต่ดูจากฟอร์มโดยรวมแล้ว สถิติส่วนตัวของสเตอร์ลิ่งนั้น มันก็ออกมาดีมาก

ยิงกระจุย และมีการส่วนร่วมกับการทำเกมในทุกจังหวะ ซึ่งในทัพเรือใบสีฟ้านี่เอง ถือเป็นการยกระดับฝีเท้าของเจ้าตัวไปด้วย เนื่องจากซิตี้ในตอนนี้ มีเหล่าแข้งฝีเท่าดีมากมาย ต่างย้ายเข้ามาร่วมทัพกัน ทั้ง เควิน เดอ บรอยน์ ที่ย้ายมาร่วมทีม ในช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกับสเตอร์ลิ่ง และ ลีรอย ซาเน่ ปีกฟอร์มร้อนแรง จาก ชาลเก้ 10 แห่งศึกบุนเดสลีกาเยอรมัน

ราฮีม สเตอร์ลิ่ง

ประวัติ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง เรื่องราวมากมาย บนเส้นทางลูกหนัง

ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ( Raheem Sterling ) หรือชื่อเต็ม ราฮีม ชาควิลล์ สเตอร์ลิ่ง ( Raheem Shaquille Sterling ) เกิดเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 1994 ซึ่งเขาเกิดที่เมืองคิงส์ตันส์ ในจาไมกา โดยในตอนนั้น สเตอร์ลิ่งเองได้อาศัยอยู่กับคุณย่าก่อนที่ครอบครัว จะอพยพเข้ามาอยู่ในลอนดอน ประเทศอังกฤษ มีแมวมองของของทีมใหญ่ๆ ในกรุงลอนดอน ต่างพากันเข้ามาชมลีลา การลากเลื้อยของเจ้าหนูสเตอร์ลิง

ทั้ง อาร์เซนอล และฟูแล่ม โดยต่างต้องการตัวสเตอร์ลิ่ง ไปร่วมทีม ซึ่งโดยเฉพาะไอ้ปืนใหญ่ ที่ถือว่าขึ้นชื่ออยู่แล้วในเรื่องของการปั้นเด็กดาวรุ่ง ซึ่งตัวสเตอร์ลิงเอง ก็ได้ปฏิเสธอาร์เซนอลไป เพราะคำแนะนำจากคุณแม่ของเขา ซึ่งเจ้าตัวก็ออกมาเผยว่า มันยากมากที่จะทำใจได้ โดยสเตอร์ลิ่ง ได้เริ่มต้นก้าวแรกของเส้นทางลูกหนัง ด้วยการเซ็นสัญญาเป็นนักเตะ ในอคาเดมี่ของสโมสร ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส

ซึ่งเจ้าตัวใช้เวลาบ่มเพาะฝีเท้า เป็นเวลา 4 ปี ก็ได้มีโอกาสลงเล่นให้กับทีมสำรองของควีนส์ปาร์ค ก่อนที่จะสร้างชื่อเสียงไปทั่วแดนผู้ดี และมีฟอร์มการเล่นที่เร้าใจชวนชมเป็นอย่างมากด้วยความที่เจ้าตัว เป็นคนที่ตัวเล็ก ความเร็ว และสปีดต้นที่หาตัวจับได้ยาก จึงเป็นที่โดดเด่น ในบรรดานักเตะ ในวัยเดียวกัน สเตอร์ลิ่งได้ก้าว ขึ้นมาเป็นแข้งเยาวชนของทีมทหารเสือราชินี

ซึ่งเขาก็เชื่อเสมอว่า นี่คือการตัดสินใจครั้งหนึ่งที่ดีที่สุด ในชีวิตของเขา เป็นเวลามากกว่า 6 ปีที่เป็นนักเตะเยาวชนของควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส ซึ่งเขาก็ได้รับการซัพพอร์ท และคอยดูแลจากครอบครัวเป็นอย่างดี ซึ่งภายหลัง สเตอร์ถูกเรียกติดทีมชาติอังกฤษชุดยู 16 ก่อนที่จะกดไป 2 ประตูใส่ทีมชาติไอร์แลนด์เหนือ

นับว่าเป็นการแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวในฐานะนักเตะดาวรุ่ง ด้วยฟอร์มอันโดดเด่น ทำให้ช่วงเวลานั้น สื่อกีฬาจากหลายสำนัก ต่างรายงานข่าวว่า มีทีมยักษ์ใหญ่ ในพรีเมียร์ลีก ให้ความใจที่จะดึงตัวสเตอร์ลิ่ง เข้าร่วมทัพกันหลายทีม

ราฮีม สเตอร์ลิ่ง

ฉายแววเด่น และโชว์ฟอร์มได้สะเด่า กับหงส์แดง

หลังจากที่สเตอร์ลิงโชว์ฟอร์มได้อย่างร้อนแรง ในทัพสิงโตน้อย ทำให้สโมสรยักษ์ใหญ่ในย่านเมอร์ซี่ไซด์อย่าง ลิเวอร์พูล ทำการจับเจ้าหนูสเตอร์ลิง เซ็นสัญญาเข้าสู่อะคาเดมี่ทันทีในวัย 16 ปี ด้วยค่าตัว 600,000 ปอนด์ โดยในช่วงแรกๆ ที่ได้เข้ามาอยู่กับหงส์แดง ตัวสเตอร์ลิงเอง ใช้เวลาส่วนมากในการฝึกซ้อมและพัฒนาทักษะการเล่น ความเข้าใจในเกมเป็นอย่างหนักจนในฤดูกาล 2011-2012 จะกลัวก็พัฒนาฝีเท้ามาจากเดิมเป็นอย่างมาก

จนกระทั่ง กุนซือของหงส์แดงในเวลานั้นอย่าง เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เห็นแววในตัวของสเตอร์ลิง จึงได้ให้โอกาสเขาเด็กก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ ของทัพหงส์แดงในซีซั่นนั้น และในปี 2013 เจ้าตัวก็ได้รับสัญญาฉบับใหม่ จากทางลิเวอร์พูล และได้ก้าวขึ้นเป็นตัวหลักของทีมได้ จากการผลักดันของแข้งซีเนียร์ ภายในทีม และสุดยอดตำนานอย่าง สตีเว่น เจอร์ราร์ด และ หลุยส์ ซัวเรซ

ทำให้ตอนนั้น ลิเวอร์พูลถือว่าเป็นทีมที่มีแนวรุก ที่ดุดัน และพร้อมที่จะทำประตูได้ตลอดเวลา ซึ่งเจ้าตัวก็ได้ประสานงานร่วมกับแข้งตัวหลักในทีมได้อย่างลงตัว ทั้ง แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ และ หลุยส์ ซัวเรซ ซึ่งทำให้เจ้าตัวยกระดับสินค้าของตนเองไปอีกขั้นหนึ่ง กลายเป็นหนึ่งในแข้งดาวรุ่งที่ดีที่สุด ในแดนผู้ดี ณ เวลานั้น

ราฮีม สเตอร์ลิ่ง

ย้ายร่วมทัพเรือใบสีฟ้า ด้วยค่าตัวสถิติโลก

ในเวลาต่อมาทางนี้ลิเวอร์พูลได้ปล่อย 2 แข้งคนสำคัญ ออกจากทีมไป ทั้งซัวเรซและเจอร์ราร์ด ทำให้ตัวสเตอร์ลิ่งเอง เริ่มหมดความท้าทาย กับทางสโมสรแล้วเรียบร้อยและในปี 2015 ทางสเตอร์ลิ่งเองได้ขอขึ้นบัญชีย้ายออกจากทีม เพราะต้องการที่จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ให้ได้ และมีชื่อติดทีมชาติอังกฤษ ชุดลุยศึกยูโร 2016 

ทำให้ทางแมนฯ ซิตี้ ไม่อยู่เฉยรีบเร่งมือ เดินเรื่องคว้าตัวสเตอร์ลิ่งเข้าร่วมทัพในทันที หลังจากที่มีข่าวกับทางซิตี้มานานความต้องการที่เจ้าตัวใฝ่ฝันมาตลอด ก็คือการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกให้ได้ และการมีชื่อติดทัพสิงโตคำราม ชุดลุยศึกฟุตบอลยูโร 2016 ที่ฝรั่งเศส และในเดือนกรกฎาคมปี 2015 ทางสเตอร์ลิ่งได้ตัดสินใจ ขอขึ้นบัญชีขายกับทาง ร็อดเจอร์ส ด้วยตัวเอง

หลังจากนั้นไม่ถึงอาทิตย์ สเตอร์ลิ่งก็ได้เปิดตัวเข้าสู่ถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยม ด้วยสนนค่าตัว 49 ล้านปอนด์ด้วยสัญญา 5 ปี ด้วยค่าตัวระดับนี้ ทำให้สเตอร์ลิ่งทำสถิติเป็นแข้งอายุไม่เกิน 21 ปี ที่มีค่าตัวแพงที่สุด และยังพ่วงด้วยสถิตินักเตะของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ที่มีค่าตัวแพงที่สุด ของสโมสรในเวลานั้น และเป็นนักเตะที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกในอันดับที่ 13 ในตอนนั้นเช่นกัน และรั้งอันดับ 3 ในเวทีพรีเมียร์ลีกอีกด้วย

ในซีซั่นแรก เจ้าตัวไม่สามารถคว้าแชมป์ใดๆ ร่วมกับซิตี้ได้ และทำได้เพียงอันดับ 4 ในพรีเมียร์ ลีกเท่านั้น จนกระทั่ง การเข้ามาของยอดกุนซืออย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ซึ่งเข้ามาปรับเปลี่ยน และผ่าตัดทีมครั้งใหญ่ ทำให้ทัพเรือใบสีฟ้า มีรูปแบบการเล่นที่ดุดัน และมีความสวยงามมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่ง เป๊ป ก็ได้เข้ามาแนะนำ และชี้แนวทาง ปรับเปลี่ยนแนวคิดในการเล่น

ทำให้สเตอร์ลิงสามารถทำประตูได้มากมาย และก้าวขึ้นเป็นตัวหลักขอซิตี้ ได้อย่างงดงาม ซึ่งเจ้าตัวสามารถพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก 2 สมัยติดต่อกัน และมีชื่อติดทีมชาติอังกฤษ ชุดสู้ศึกฟุตบอลโลก 208 ที่รัสเซียอีกด้วย

นำทัพสิงโตคำราม คว้าอันดับสาม ในฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย

โดยสเตอร์ลิ่งกลายเป็นแข้งคนสำคัญ ของทัพสิงโตคำราม ในทุกรายการที่ลงแข่งขัน จนสามารถพาทีมชาติอังกฤษ เข้าไปเล่นในศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบสุดท้าย ที่รัสเซียอีกด้วย ประกอบกับตัวผู้ที่กุนซือทีมชาติอังกฤษ ในเวลานี้อย่าง แกเร็ธ เซาธ์เกต ได้มีการเรียกแข้งฟอร์มดี มาติดทีมชาติมากมาย อาทิเช่น แฮร์รี่ เคน เดเล อัลลี และ มาร์คัส แรชฟอร์ด

ซึ่งเป็นผู้เล่นที่มีอายุน้อย และมีความกระตือรือร้น มีความกระหายตลอดเวลา แต่ด้วยประสบการณ์ที่ยังน้อย ทำให้สิงโตคำรามชุดนี้ ต้องจบเส้นทางในศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้ ไว้แค่รอบรองชนะเลิศ และพ่ายต่อกับทีมชาติเบลเยียม ในรอบชิงที่ 3 @ufabet168v4

Happy
Happy
0 %
Sad
Sad
0 %
Excited
Excited
0 %
Sleepy
Sleepy
0 %
Angry
Angry
0 %
Surprise
Surprise
0 %
Next Post

เอ็มบัปเป้ นักเตะอายุน้อยจอมทักษะสูง ดาวรุ่งจอมยิงสัญชาติฝรั่งเศส

เอ็มบัปเป้ เอ็มบัปเป้IG ติดตามข่าวสารนักเตะที่กำลั […]
เอ็มบัปเป้

Subscribe US Now