ศึก เซาธ์แฮมป์ตัน VS เอฟเวอร์ตัน ในพรีเมียร์ลีกของอังกฤษ สุดท้ายที่หนึ่งของตารางอย่างเอฟเวอร์ตันต้องจบสถิติชนะรวดตั้งแต่เปิดฤดูกาลด้วยสกอร์ 2 ประตูต่อ 0 ผ่ายให้กับเชาธ์แฮมป์ตันในนัดที่ผ่านพร้อมกับรับไปอีก 1 ใบแดงแต่ยังคงรั้งจ่าฝูงได้อยู่ ก่อนที่จำศึกในนัดหน้าจะพบกับนิวคลาสเซิล ก่อนที่นัดต่อไปเจอศึกหนักกับปีศาจแดงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด วันนี้เรามามองย้อนหาสามารถที่ทำให้เอฟเวอร์ตันต้องหยุดสถิติชนะรวดตั้งแต่เปิดฤดูกาล 2020-2021 ไปพร้อมๆ กัน
เซาธ์แฮมป์ตัน VS เอฟเวอร์ตัน สภาพทีมก่อนการลงทำศึกพรีเมียร์ลีก
เซาธ์แฮมป์ตัน VS เอฟเวอร์ตัน ต่างฝ่ายต่างพยายามที่จะกำชัยชนะในนัดนี้ให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นทางเอฟเวอร์ตันที่ต้องการรั้งจ่าฝูงในตารางพรีเมียร์ลีกเอาไว้ ส่วนเซาธ์แฮมป์ตันก็ต้องการชัยชนะเพื่อเก็บ 3 คะแนนเข้าใกล้อันดับ 1 ของตารางด้วยเช่นกัน
ฝั่งเจ้าบ้านสโมสรเซาธ์แฮมป์ตัน นักเตะตัวหลักหลายคนหมดสิทธิ์ลงสนามไม่ว่าจะเป็นมูซ่า เฌเนโป, โมฮัมเหม็ด ซาลิซู และ ยาน วาเลรี่ เพราะบาดเจ็บ ส่วน สจ๊วต อาร์มสตรอง แม้จะหายจากอาการบาดเจ็บแล้วแต่ต้องรอดูความฟิตอีกครั้ง ทีเด็ดของทีมจะตกเป็นภาะของแดนนี่ อิงส์ หลังทำประตูเป็นดาวซัลโวของทีมยิงไปแล้ว 4 ประตู ส่วนคนอื่นๆ ที่สำคัญยังคงลงสนามได้ครบไม่ว่าจะเป็นไรอัน เบอร์ทรานด์ เจมส์ วอร์ด-เพราส์ นาธาน เรดมอนด์, เชอดัมส์และแดนนี อิงส์
สำหรับนักเตะที่มีสัญญายืมตัวมาจากทางทีมคู่แข่งเอฟเวอร์ตั้นอย่างธีโอ วัลค็อตต์ มหดสิทธิลงสนามในนัดนี้ตามเงื่อนไขสัญญาการยืมตัว
สำหรับสโมสรเอฟเวอร์ตัน ทีมจ่าฝูงในตารางพรีเมียร์ลีกหลังจากนัดที่แล้วสามารถทำประตูเสมอกับทีมหงษ์แดงไปได้ 2 ประตูต่อ 2 ในศึก เซาธ์แฮมป์ตันVSเอฟเวอร์ตัน นัดนี้ขาดตัวเล่นสำคัญถึง 2 คนคือฮาเมส โรดริเกซ ซึ่งมีอาการบาดเจ็บจากการเข้าปะทะผิดจังหวัดกับนักเตะของนายทวารทีมหงษ์แดงผิดจังหวะกับเวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ช่วงต้นเกมที่ผ่านมา
ส่วนริชาร์ลิสัน ยังคงติดโทษแบนอยู่ไม่สามารถลงสนามช่วยทีมได้ นอกจากนี้แล้วนักเตะสำคัญอีกหลายคนมีอาการบาดเจ็บไม่สามารถทำศึกครั้งนี้ได้ไม่ว่าจะเป็นเมสัน โฮลเกต, ชอน-ฟิลิปเป้ จีบามิน และเซงค์ โทซัน สำหรับนักเตะตัวหลักที่เหลือเอฟเวอร์ตันยังพอมีโชคเข้าข้างอยู่บ้าง สามารถลงสนามร่วมทัพได้ปกติอย่าง ลูคัส ดีญ ,โคลแมน , อังเดร โกเมส, โดมินิค คัลเวิร์ต-เลวิน
รูปแบบการเล่นของแต่ละทีม
ในศึก เซาธ์แฮมป์ตัน VS เอฟเวอร์ตัน ทั้งสองทีมยังคงใช้รูปแบบการเล่นที่ตนเองถนัด เป็นรูปแบบสมัยใหม่และมีความคลาสสิคทั่วไปแต่ใช้ได้ผลกับทุกสถานะการณ์ ดังนี้
- ทีมเอฟเวอร์ตั้ง ใช้รูปแบบทีมในการลงสนามเป็นระบบ 4-3-3 แบ่งหน้าที่ออกดังนี้
- ตำแหน่งผู้รักษาประตู : จอร์แดน พิคฟอร์ด
- ตำแหน่งกองหลัง : เบน ก็อดฟรี่ย์, เยร์รี่ มิน่า, ไมเคิ่ล คีน, ลูก้าส์ ดีญ
- ตำแหน่งกองกลาง : อันเดร โกเมส, อัลลัน, อับดูลาย ดูกูเร่
- ตำแหน่งกองหน้า : ฮาเมส โรดริเกซ, อเล็กซ์ อิโวบี้, โดมินิก คัลเวิร์ต-เลวิน
- ทีมเซาธ์แฮมป์ตัน ใช้รูปแบบทีมในการลงสนามเป็นระบบ 4-4-2 แบ่งหน้าที่ออกดังนี
- ตำแหน่งผู้รักษาประตู: อเล็กซ์ แม็คคาร์ธี่
- ตำแหน่งกองหลัง : ไคล์ วอล์คเกอร์-ปีเตอร์ส, ยานนิค เวสเทอร์การ์ด, ยาน เบดนาเร็ค, ไรอัน เบอร์ทรานด์
- ตำแหน่งกองกลาง : สจ๊วต อาร์มสตรอง, เจมส์ วอร์ด-เพราส์, โอริโอล โรเมว, เนธาน เร้ดมอนด์
- ตำแหน่งกองหน้า : เช อดัมส์, แดนนี่ อิงส์
ทั้งสองทีมเลือกใช้รูปแบบผนการเล่นสมัยใหม่และเป็นรูปแบบที่คลาสสิกเน้นการตั้งรับและเดินเกมริมเส้นเป็นสำคัญด้วยกันทั้งสองทีม ทีมไหนจะคว้าชัยชนะน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว
แผนการเล่นของทั้งสองทีมที่ใช้ในศึกครั้งนี้
ในศึก เซาธ์แฮมป์ตันVSเอฟเวอร์ตัน ครั้งนี้ เอฟเวอร์ตันใช้ระบบการเล่นแบบ 4-3-3 ส่วนเซาธ์แทมป์ตันใช้ระบบแผนการเล่นแบบ 4-4-2 ซึ่งเป็นแผนการเล่นหรือระบบการเล่นแบบสมัยใหม่ที่สามารถพัฒนาไปเป็นรูปแบบการเล่นแบบ 4-3-1-2 หรือ 4-1-2-3 และ 4-4-1-1 ได้อีกด้วย
- แผนการเล่นแบบ 4-3-3 จะมีรูปแบบการเล่นที่เน้นเกมรับที่เข้มแข็งด้วยกองกลาง 3 ตัวที่ตั้งรับในรูปแบบจำกัดพื้นที่ทีมตรงข้าม และในขณะเดียวกันเมื่อสวนกลับจะเล่นในรูปแบบกว้างกระจายและจ่ายบอลไปมาทั่วสนาม โดยกองกลางทั้ง 3 ตัวจะมีอยู่ 1 ตัวที่เป็นกองกลางตัวรับและที่เหลือจะเป็นกองกลางตัวรุกริมเส้น ส่วนกองหน้ามีการพัฒนารูปแบบมาจากระบบแผนการเล่น 4-4-2 โดยเพิ่มกองหน้าไปอีก 1 คนและลดกองกลางไปหนึ่งคนนั่นเอง
- แผนการเล่นแบบ 4-4-2 จะเน้นระบบการเล่นที่ต้องการตั้งรับมากกว่าการบุกคู่ต่อสู้ นั่นหมายความว่าเกมการแข่งขันที่เลือกใช้ระบบนี้ ทีมไม่ต้องการเสียคะแนนในตารางและจะคอยหาจังหวะโต้กลับอย่างรวดเร็ว โดยกองกลางริมเส้นซ้ายขวา ดั้งนั้นการที่มีกองกลางรวมกันถึง 4 ตัวทำให่แบ่งพื้นที่ดูแลแต่ละคนน้อยลง มีแรงและกำลังเหลือในการโต้กลับอย่างรวดเร็ว แผนการเล่น 4-4-2 นี้ ต้องใช้กับทีมที่มีกองกลางริมเส้นฝีเท้าดีและสามารถโยนบอลยาวจากริมสนามให้กองหน้าทั้ง 2 คนบริเวณจุดโทษได้ดีและแม่นยำ
แผนการเล่นทั้งทีมเอฟเวอร์ตันและเซาธ์แทมป์ตัน สามารถปรับเปลี่ยนให้ละเอียดและลึกซึ้งลงไปอีกได้แล้วแต่สถานะการในสนามโดยแผนการเล่นแบบ 4-3-3 ของเอฟเวอร์ตั้นสามารถปรับเปลี่ยนเป็นแผน 4-3-1-2 หรือ 4-1-2-3 ส่วนแผนการเล่นของทีมเชาธ์แทมป์ตันที่เล่นแบบ 4-4-2 สามารถปรับเป็นแผน 4-4-1-1 ได้เช่นกัน
ความเห็นก่อนการแข่งขัน
5 นัดหลังสุดในการทำศึกระหว่าง เซาธ์แฮมป์ตันVSเอฟเวอร์ตัน ผลปรากฏว่าเสมอกัน 2 นัด เอฟเวอร์ตันชนะ 2 นัดและเซาธ์แทมป์ตันชนะ 1 นัด สำหรับศึกครั้งนี้กูรูทั้งหลายมองว่า ทั้งสองทีมสูสีกันมากเพราะตัวนักเตะหลักๆ บาดเจ็บเยอะ โดยภาพรวมแล้วกูรูวงการฟุตบอลจะให้น้ำหนักไปทางทีมเอฟเวอร์ตันมีสิทธิดีกว่าถือว่าเป็นทีมเต็งในศึกครั้งนี้เพราะตั้งแต่เปิดฤดูกาลมาชนะติดต่อกันโดยตลอด และสามารถสร้างผลงานได้ดีในฐานะทีมเยือนอีกด้วย
ผลการแข่งขันและอันดับในตารางคะแนน
อย่างไรก็ตามเมื่อศึก เซาธ์แฮมป์ตันVSเอฟเวอร์ตัน ครั้งนี้ผ่านพ้นไป ถือว่าหักปากกาเซียนปากกากูรูกันเลยทีเดียว ทีมเซาธ์แทมป์ตันสามารถเอาชนะทีมเอฟเวอร์ตันไปได้ถึง 2 ประตูต่อ 0 แต่ถึงแม้จะพลาดท่าพ่ายไปในนัดนี้ เอฟเวอร์ตันก็ยังคงสามารถรั้งอันดับ 1 ของตารางไว้ต่อไปได้ด้วยผลลูกได้เสียที่ดีที่สุดในกลุ่มคะแนนที่เท่ากันนั่นเอง
ในนัดต่อไปของเอฟเวอร์ตันจึงเป็นอีกศึกที่น่าสนใจและน่าสนุกมากขึ้นแน่นอนหากต้องการรั้งจ่าฝูงต่อไปอีกโดยในนัดหน้าจะลงสนามพบกับนิวคลาสเซิล ก่อนที่นัดถัดไปเจอศึกหนักกับปีศาจแดงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ในส่วนของอันดับตารางคะแนนพรีเมียร์ลีกอังกฤษ อันดับที่ 1 ยังคงเป็นสโมสรเอฟเวอร์ตันเช่นเดิมโดยแข่ง 6 นัดมี 13 คะแนน ชนะ 4 นัด เสมอกับหงษ์แดง 1 นัดและแพ้ 1 นัดในกับเซาธ์แทมป์ตัน มีผลต่างประตูได้เสีย +5 สำหรับแขมป์เก่าในฤดูกาลที่แล้ว 2019-2020 ทีมหงษ์แดงแข่ง 6 นัดมี 13 คะแนนเช่นกันแต่ผลต่างประตูได้เสียน้อยกว่า อยู่ที่ +1
อันดับที่ 3 ของตารางได้แก่ทีมวูล์ฟแฮมป์ตันแข่ง 7 นัดมี 13 คะแนน ผลต่างประตูได้เสียอยู่ที่ 0 คือทำประตูได้ 8 ประตูและเสียประตูไป 8 ประตูเช่นกัน ส่วนอับดับ 4 เป็นของทีมแอสตันวิลล่าแข่ง 5 นัดมี 12 คะแนนผลต่างประตูได้เสีย +7 และอับดับที่ 5 ที่น่าสนใจคือทีมเลสเตอร์ แข่ง 6 นัดมี 12 คะแนน ผลต่างประตูได้เสีย +5 ทั้งหมดเป็นผลการแข่งขันและภาพรวมตารางคะแนนใน 5 อันดับแรกที่น่าสนใจ หลังจากนี้ไปเกมการแข่งขันจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ อย่างแน่นอน
อ่านข่าวฟุตบอลต่างประเทศ :: ข่าวฟุตบอลวันนี้
ข่าวฟุตบอล :: ข่าวฟุตบอลก่อนหน้านี้
เว็บดูบอลออนไลน์ :: ดูบอลออนไลน์ฟรี
Line: @mokmun